มีคนถามเกี่ยวกับ Enterprise value เพราะเคยอ่านเจออัตราส่วน EV/EBITDA เอาไว้ใช้ดูว่าหุ้นถูกหรือแพง เค้าถามว่า Enterprise Value มันคืออะไร แล้ว EV/EBITDA ดีกว่าหรือต่างจาก P/E ยังไง
เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ว่าเป็นวิธีการที่ดีกว่าหรือสุดยอดอะไรนะ มันก็แค่อีกไอเดียหนึ่งในการประเมินว่าหุ้นถูกหรือแพงเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมาก
ไอเดียของมันคือการใช้อัตราส่วนอย่าง P/E เปรียบเทียบบริษัทมันมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่บริษัทแต่ละบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินกับทุนไม่เท่ากัน บางบริษัทใช้หนี้เยอะบางบริษัทใช้หนี้น้อย ต่อให้อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันทำธุรกิจคล้ายๆกันเก่งพอกัน ถ้าบริษัทนึงมีหนี้สินเยอะเสี่ยงเยอะกว่าก็ไม่ควรจะ P/E เท่ากับอีกบริษัทนึงที่หนี้สินน้อยเสียงน้อย การใช้ P/E เทียบกันตรงๆก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะ
มันก็เลยมีคนเสนอว่าถ้างั้นเราก็อย่ามองจากเฉพาะมุมของผู้ถือหุ้นสิ อย่าง P/E หรือ P/BV นี่คือมองจากผู้ถือหุ้นเท่านั้น Price คือราคาหุ้น, Earnings ก็คือกำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้น, Book value ก็เป็นมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้น แทนที่จะมองแค่ราคาหุ้นซึ่งเป็นราคาที่จะซื้อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทก็เปลี่ยนมาเป็นมองจากมุมของการซื้อทั้งบริษัทเลย คือถามว่าถ้าจะซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทเลยไม่ใช่แค่ส่วนของผู้ถือหุ้นจะเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ตัวเงินที่จะต้องใช้เพื่อซื้อทั้งหมดของบริษัทก็คือรวมราคาตลาดทั้งหมดของส่วนของผู้ถือหุ้น แล้วก็ราคาตลาดทั้งหมดของส่วนเจ้าหนี้ แล้วก็รวมราคาตลาดของส่วนผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ด้วยถ้ามี แล้วก็หักเงินสดที่บริษัทมีอยู่ออกไปก็จะได้ตัวเลขมาใช่มะ ซึ่งตัวเลขเงินที่ต้องใช้เพื่อซื้อทั้งหมดของบริษัทนั่นคือเรียกว่า Enterprise value ครับ
ทีนี้พอจะเอา Enterprise value ไปเทียบกับกำไรสุทธิมันก็ไม่เหมาะละ เพราะกำไรสุทธิมันมองจากมุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น เพื่อให้ตัวเลขกำไรมันเป็นตัวเลขที่เป็นกำไรสำหรับทั้งเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นเค้าก็เลยเสนอให้เทียบกับกำไรก่อนที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยแทน
ปัจจุบันที่นิยมใช้สุดจะเป็น EV/EBITDA ซึ่งก็คือที่คนถามบอกว่าเคยอ่านเจอนั่นแหละ หรือไม่งั้นก็ EV/EBIT ก็เคยเห็นเหมือนกัน
ข้อดีของการใช้อัตราส่วนนี้ก็เช่น
1. ใช้ได้แม้กรณีบริษัทขาดทุน
บางที P/E มันติดลบ แต่ EV/EBITDA ไม่ค่อยเป็นเพราะส่วนใหญ่ EBITDA มันจะไม่เป็นเลขติดลบ
2. EV/EBITDA ต่างกันน้อยกว่าเวลาเปรียบเทียบบริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนต่างกันเยอะๆ
ข้อเสียก็มีเช่น
1. ราคาตลาดของส่วนของหนี้สินอาจจะหาไม่ได้ ต้องเปรียบเทียบหนี้สินที่ใกล้เคียงเอา
2. ปัญหาเดียวกับ P/E คือมันเป็นวิธีประเมินมูลค่าประเภท Price multiple ซึ่งมีประโยชน์ในเชิงเปรียบเทียบ อาจจะเจอกรณีหุ้นมันแพงทั้งตลาดแต่แค่อันนี้ EV/EBITDA ต่ำสุดก็เลยดูว่าถูกกว่าโดยเปรียบเทียบก็ได้
3. มันเป็นมุมมองของคนที่จะซื้อทั้งบริษัท แต่เราเป็นผู้ถือหุ้น เราไม่ได้จะซื้อทั้งหมดของบริษัท
สุดท้ายคือ มันก็แค่อีกไอเดียนึงเท่านั้นครับ ไม่ได้ว่าสุดยอดหรืออะไร คนรู้จักก็อาจจะดูเท่ขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเป็นพิเศษ
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
ติดตามข่าวสารเราได้บน Facebook
[ Ссылка ]
ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์
[ Ссылка ]
และ ทดลองเรียนฟรี แล้วด้วยนะ
[ Ссылка ]
![](https://i.ytimg.com/vi/zUuX8J7B6gw/maxresdefault.jpg)